Covid  โควิด 19 Thailand

สถานการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (Covid โควิด Covid 19 โควิด 19) ที่แพร่ระบาดหนักในประเทศจีน และอีกหลายระเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ได้รวบรวมข้อมูล Links ต่างๆ เพื่ออัพเดทสถานการณ์ล่าสุดและเรื่องราวที่เกี่ยวกับ “ไวรัสโคโรน่า” สายพันธุ์ใหม่ (COVID-19)  ดังนี้

Covid โควิด Covid-19 โควิด-19 Covid 19 โควิด 19

International Sources

1._Worldometer Covid-19

2._Worldometer Covid-19 Cases

3._BBC News

 

Thailland Sources

1._รายงานสถานการณ์โควิด-19 ประจำประเทศไทย (กรมควบคุมโรค)

 

 

Home

เกาลัด

Google

 

Covid  โควิด 19

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

 

ชื่ออื่น
  • COVID-19
  • 2019-nCoV acute respiratory disease
  • Novel coronavirus pneumonia
Symptoms of coronavirus disease 2019 2.0-th.svg
อาการของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
สาขาวิชา โรคติดเชื้อ (การแพทย์เฉพาะทาง), วิทยาปอด, เวชศาสตร์ป้องกัน
อาการ มีไข้, ไอ, หายใจไม่สะดวก
ภาวะแทรกซ้อน ปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลันไตวายเฉียบพลัน
สาเหตุ โคโรนาไวรัสสายพันธุ์กลุ่มอาการทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง 2
วิธีวินิจฉัย ตรวจด้วยวิธี พีซีอาร์, ภาพทางการแพทย์
การรักษา รักษาตามอาการ

โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (อังกฤษcoronavirus disease 2019) หรือ โรคไวรัสโคโรนา 19COVID-19 เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจชนิดหนึ่ง เกิดจากการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (SARS-CoV-2) ซึ่งเป็นไวรัสที่มีสายพันธุกรรมเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับไวรัสที่ก่อโรคซาร์ส โรคนี้ถูกค้นพบในช่วงเวลาและเป็นสาเหตุของการระบาดทั่วของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปี พ.ศ. 2562–2563 เคยเป็นที่รู้จักในชื่อโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน 2019-nCoV, โรคปอดบวมอู่ฮั่น (Wuhan pneumonia) รวมทั้งชื่ออื่น ๆ

วิธีการติดต่อโรคหลักในมนุษย์คือการติดต่อจากคนสู่คน ซึ่งโดยทั่วไปจะเกิดจากละอองสารคัดหลั่งจากระบบการหายใจของบุคคลที่ติดเชื้อ ซึ่งมีอาการไอ หรือจาม มีระยะฟักตัวของโรคระหว่าง 2 ถึง 14 วัน การส่งผ่านเชื้อสามารถจำกัดด้วยการล้างมือ และสุขอนามัยที่ดี

ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ โรคนี้อาจเริ่มปรากฏจากไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย แล้วอาจพัฒนาเป็นมีไข้, ไอ, หายใจลำบากปวดกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลีย ซึ่งการพัฒนาต่ออาจนำไปสู่อาการปอดอักเสบกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลันติดเชื้อในกระแสเลือดช็อกจากการติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิต ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โดยปกติแล้วความพยายามจำกัดอยู่ที่การรักษาตามอาการ และการประคับประคองการทำงานของระบบอวัยวะ

เริ่มมีการระบุโรคในนครอู่ฮั่นเมืองเอกของมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 ต่อมามีรายงานการติดเชื้อทั่วโลก กรณีที่รายงานนอกประเทศจีนส่วนใหญ่อยู่ในคนที่เพิ่งเดินทางไปจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็มีบางกรณีที่เกิดการถ่ายทอดเชื้อในท้องถิ่นเช่นกัน มีรายงานผู้เสียชีวิตหลายพันรายในจีนแผ่นดินใหญ่และในส่วนอื่น ๆ ของโลก อย่างไรก็ตาม มีการสืบเสาะจนสามารถระบุตัวผู้ป่วยรายแรกได้ เป็นชายชาวอู่ฮั่นอายุ 55 ปี โดยถูกตรวจว่าติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

องค์การอนามัยโลก (WHO) และศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) แนะนำให้ผู้ที่สงสัยว่าพวกเขากำลังติดเชื้อไวรัสสวมหน้ากากป้องกันใบหน้า และขอคำแนะนำทางการแพทย์ด้วยการโทรศัพท์แทนที่จะไปที่คลินิกโดยตรงด้วยตนเอง องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่า การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในปี พ. ศ. 2562-2563 เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ (PHEIC) เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2563 มีเพียงจีนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ที่ถูกระบุว่าเป็นพื้นที่ที่การแพร่กระจายของโรคในชุมชนยังคงดำเนินอยู่

Covid  โควิด 19

อาการและอาการแสดง

ผู้ติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการเช่น มีไข้ ไอ หายใจถี่ อาการท้องเสีย หรืออาการของระบบหายใจส่วนบน (เช่น จาม มีน้ำมูก เจ็บคอ) ซึ่งพบไม่มากนัก ผู้ป่วยสามารถพัฒนาไปสู่โรคปอดอักเสบรุนแรง ความล้มเหลวของหลายอวัยวะ และการเสียชีวิต

ระยะเวลาการฟักตัวของโรค เวลาสำหรับการเริ่มแสดงอาการประมาณ 2 ถึง 10 วันระบุโดยองค์การอนามัยโลก และ 2 ถึง 14 วันระบุโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC)

Covid  โควิด 19

สาเหตุ

Covid โควิด Covid 19 โ่ควิด 19

ภาพจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องกราดแสดงเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 (สีเหลือง)

สาเหตุของโรคนี้คือไวรัสที่มีชื่อว่า severe acute respiratory syndrome coronavirus 2 (SARS-CoV-2) หรือที่เรียกว่า โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (2019-nCoV) เชื่อว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่รับมาจากสัตว์ (Zoonotic)

รูปแบบการแพร่กระจายหลักของโรคคือผ่านละอองสารคัดหลั่งของระบบทางเดินหายใจจากบุคคลที่ติดเชื้อซึ่งได้ จาม หรือไอ หรือจากการหายใจออก เจ้าหน้าที่ในนครเซี่ยงไฮ้ยืนยันรูปแบบการถ่ายทอดเชื้อหลายแบบรวมถึงการส่งผ่านโดยตรง, การส่งผ่านโดยการสัมผัส และผ่านละอองในอากาศ ซึ่งสองแบบหลังเกี่ยวโยงกับการส่งผ่านเมื่อ มีคนสัมผัสกับพื้นผิวที่ปนเปื้อนด้วยละอองของสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ และการหายใจเอาอากาศที่มีการฟุ้งกระจายของละอองสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจเข้าไป

Covid  โควิด 19

การวินิจฉัย

ดูบทความหลักที่: การตรวจ COVID-19

ชุดทดสอบทางห้องปฏิบัติการสำหรับเชื้อไวรัส 2019-nCoV โดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา

องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่เกณฑ์วิธีหลายอย่างสำหรับการทดสอบโรคนี้ การทดสอบใช้ปฏิกิริยาลูกโซ่พอลิเมอเรสแบบย้อนกลับแบบเวลาจริง (rRT-PCR) ซึ่งสามารถทำได้กับตัวอย่างสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจหรือตัวอย่างเลือด โดยทั่วไปแล้วจะทราบผลภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน นักวิทยาศาสตร์จีนสามารถแยกสายพันธุ์ของโคโรนาไวรัส และเผยแพร่ลำดับพันธุกรรมของไวรัส เพื่อให้ห้องปฏิบัติการทั่วโลกสามารถพัฒนาชุดทดสอบพีซีอาร์ อย่างอิสระเพื่อตรวจหาการติดเชื้อโดยไวรัส

แนวทางการวินิจฉัยที่ออกโดยโรงพยาบาลจงหนาน ของมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นแนะนำวิธีการตรวจหาการติดเชื้อตามลักษณะทางคลินิก และความเสี่ยงทางระบาดวิทยา สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการระบุผู้ป่วยที่มีอาการต่อไปนี้อย่างน้อยสองอาการ (นอกเหนือจากประวัติของการเดินทางไปอู่ฮั่น หรือการติดต่อกับผู้ป่วยที่ติดเชื้ออื่น ๆ) คือ มีไข้, มีผลภาพทางการแพทย์ที่มีโรคปอดอักเสบ, นับเม็ดเลือดขาวได้ปกติหรือลดลง หรือนับเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซต์ได้ลดลง

Covid  โควิด 19

การป้องกัน

องค์กรด้านสุขภาพระดับโลก ได้เผยแพร่มาตรการป้องกัน เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ คำแนะนำคล้ายกับที่เผยแพร่สำหรับเชื้อโคโรนาไวรัสอื่น ๆ และรวมถึง ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ ห้ามสัมผัสดวงตา, จมูก หรือปากด้วยมือที่ไม่ได้ล้าง และฝึกฝนสุขอนามัยของระบบทางเดินหายใจที่ดี

ไม่แนะนำให้ใช้หน้ากากอนามัยโดยผู้ที่มีสุขภาพดีในสังคม

เพื่อป้องกันการแพร่กระจาย ศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ผู้ติดเชื้ออยู่ที่บ้าน ยกเว้นเดินทางเพื่อรับการรักษาทางการแพทย์ โดยโทรศัพท์แจ้งล่วงหน้าก่อนไปยังสถานที่ให้บริการดูแลสุขภาพ สวมหน้ากาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่สาธารณะ), ปิดป้องการไอ และจามด้วยกระดาษชำระ, ล้างมือด้วยสบู่และน้ำเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของส่วนตัวภายในบ้านร่วมกัน

Covid  โควิด 19

การจัดการ

ในขณะที่ไม่มียาต้านไวรัสเฉพาะสำหรับโรคนี้ อาการทางคลินิกและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นใช้วิธีการรักษาแบบประคับประคอง องค์การอนามัยโลกได้เผยแพร่คำแนะนำการรักษาอย่างละเอียด สำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่มีการติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARI) เมื่อสงสัยว่ามีการติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ WHO ยังแนะนำให้อาสาสมัครมีส่วนร่วมในการทดลองที่มีการควบคุมแบบสุ่ม เพื่อทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของแนวทางการรักษาที่มีศักยภาพ

การวิจัยเกี่ยวกับการรักษาโรคที่มีศักยภาพได้เริ่มขึ้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 และวิธีการรักษาใหม่อาจใช้เวลาในการพัฒนาจนถึงปี พ.ศ. 2564 นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบตัวยับยั้งเอนไซม์อาร์เอ็นเอพอลิเมอเรส หรือยา เรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) และอินเตอร์เฟียรอนเบตา ในปลายเดือนมกราคม 2563 นักวิจัยการแพทย์จีนแสดงเจตจำนงที่จะเริ่มการทดสอบทางคลินิกเกี่ยวกับยา เรมเดซิเวียร์, คลอโรควิน (Chloroquine) และ โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ (Lopinavir/Ritonavir) เนื่องจากพวกมันมีผลการต่อต้านกับโคโรนาไวรัสชนิดอื่น และกลไกการออกฤทธิ์ที่บ่งชี้ว่ายาเหล่านี้อาจจะมีประสิทธิภาพ โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ เป็นเป้าหมายของการวิจัยและการวิเคราะห์ที่สำคัญ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนสาขาปักกิ่งเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพ โดยเแนะนำให้ใช้ โลปินาเวียร์/ริโทนาเวียร์ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการรักษา ยาเหล่านี้สามารถเบิกจ่ายได้ทางระบบประกันสุขภาพในบางประเทศ

Covid  โควิด 19

การแพทย์ทางเลือก

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจีนแนะนำให้ใช้การแพทย์แผนจีน (TCM) เพื่อป้องกันหรือรักษาโรค เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2563 คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติได้นำแพทย์แผนจีน เข้าสู่แผนวินิจฉัยและการรักษา COVID ฉบับที่สาม วันที่ 2 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่ของอู่ฮั่นสั่งให้ผู้ป่วยทุกคน ทำการรักษาด้วยวิธีแพทย์แผนจีนโดยเฉพาะ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ อู่ฮั่นเปิดโรงพยาบาลชั่วคราวที่มุ่งเน้นการรักษาด้วยการแพทย์จีนแผนโบราณ. ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวิธีนี้ ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ในการรักษาการติดเชื้อโคโรนาไวรัส

จิตวิทยา

บุคคลที่ติดเชื้ออาจประสบปัญหาเป็นทุกข์จากการถูกกักกัน, ข้อจำกัดในการเดินทาง, ผลข้างเคียงของการรักษา หรือความกลัวในการติดเชื้อ เพื่อแก้ไขข้อกังวลเหล่านี้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน ได้ตีพิมพ์แนวปฏิบัติระดับชาติสำหรับการแทรกแซงภาวะวิกฤตทางสุขภาพจิต เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2563

การพยากรณ์โรค

ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผู้ป่วย 137 คนที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในมณฑลหูเป่ย์ พบว่ามีผู้เสียชีวิต 16 ราย (12%) ในบรรดาผู้ที่เสียชีวิตมีหลายคนที่มีอาการป่วยมาก่อน รวมถึงโรคความดันโลหิตสูงเบาหวาน หรือโรคหลอดเลือดหัวใจ

ในกรณีแรก ๆ ที่ทำให้เสียชีวิต พบว่าเวลาเฉลี่ยของการดำเนินโรคอยู่ที่ 14 วันโดยมีพิสัยทั้งหมดอยู่ระหว่าง 6 ถึง 41 วัน

วิทยาการระบาด

จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก จากการวิเคราะห์กรณีผู้ป่วย 44,000 รายของโรคติดเชื้อ Covid-19 ในมณฑลหูเป่ย์พบว่าประมาณ 80% ของผู้ป่วยมีเพียงอาการที่ไม่รุนแรง, 14% เป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเช่นปอดอักเสบ, 5% มีอาการของโรคที่ร้ายแรง และ 2% ของผู้ป่วยถึงแก่ชีวิต

อัตราการเสียชีวิตและอัตราการเจ็บป่วยโดยรวมเนื่องจากการติดเชื้อ ยังไม่เป็นที่ยอมรับ ในขณะที่อัตราการตายของผู้ป่วยเปลี่ยนไปตามระยะเวลาในการระบาดของโรค ในปัจจุบันสัดส่วนของการติดเชื้อที่นำไปสู่การวินิจฉัยโรคได้ยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามการวิจัยเบื้องต้นแสดงอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยอยู่ระหว่าง 2% ถึง 3% และในเดือนมกราคม พ.ศ. 2563 องค์การอนามัยโลก ให้ข้อสังเกตว่าอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากโรคอยู่ที่ประมาณ 3% และ 2% ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ในหูเป่ย์ รายงานการศึกษาฉบับร่างของอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอน ที่ยังไม่ได้พิชญพิจารณ์ ในบรรดาผู้เสียชีวิต 55 ราย ระบุว่าการประเมินต้นของอัตราการเสียชีวิตอาจสูงเกินไปเนื่องจากไม่ได้รวมกรณีการติดเชื้อที่ไม่มีอาการ พวกเขาประเมินค่าเฉลี่ยอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ (อัตราการเสียชีวิตระหว่างติดเชื้อ) ช่วงพิสัยอยู่ระหว่าง 0.8% เมื่อรวมผู้ที่เป็นพาหะที่ไม่แสดงอาการจนถึง 18% เมื่อรวมเฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการจากมณฑลหูเป่ย์เท่านั้น

ศัพท์บัญญัติ

องค์การอนามัยโลกในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ประกาศว่า “COVID-19” เป็นชื่อทางการของโรคนี้ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส (Tedros Adhanom Ghebreyesus) แถลงว่า “co” มาจาก “corona“, “vi” มาจาก “virus” และ “d” สำหรับ “disease” ในขณะที่ “19” เป็นปีที่มีการระบาดครั้งแรก ที่ถูกระบุในวันที่ 31ธันวาคม ค.ศ. 2019 เขาได้กล่าวว่า ชื่อดังกล่าวได้รับเลือกเพื่อหลีกเลี่ยงการอ้างอิงตำแหน่งทางภูมิศาสตร์, สายพันธุ์สัตว์ หรือกลุ่มคน ที่สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของนานาชาติในการตั้งชื่อเพื่อป้องกันปัญหาการเลือกปฏิบัติ

ดูเพิ่ม

  • หลี่ เหวินเลี่ยง แพทย์จากโรงพยาบาลกลางอู่ฮั่น ผู้ระบุกลุ่มอาการของโรคเป็นคนแรก

 

Don`t copy text!