One Direction
วันไดเรกชัน (อังกฤษ: One Direction) เป็นวงบอยแบนด์จากอังกฤษ–ไอร์แลนด์ ก่อตั้ง ณ ลอนดอน ในปี ค.ศ. 2010 ประกอบไปด้วยสมาชิกจำนวน 4 คนคือ ไนออล ฮอแรน, เลียม เพย์น, แฮร์รี สไตลส์ และลูอี ทอมลินสัน (ในอดีตมีสมาชิก 5 คน อีกหนึ่งคนคือ เซย์น แมลิก วันไดเรกชันเซ็นสัญญาให้กับค่ายเพลงของไซมอน โคเวลล์ที่ชื่อ ไซโคเรเคิดส์ (Syco Records) หลังจากเป็นผู้ชนะเลิศลำดับที่สามจากการประกวดแสดงความสามารถ เวทีรายการ ดิ เอกซ์ แฟกเตอร์ ซึ่งควบคุมการผลิตโดยไซมอน โคเวลล์อีกเช่นกัน ต่อมาพวกเขาได้เซ็นสัญญาให้กับค่ายในฝั่งอเมริกาเหนือที่ชื่อโคลัมเบียเรเคิดส์ (Columbia Records) (จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)
18 (Lyrics + Pictures)
Half A Heart (Lyrics + Pictures) *HD*
One Direction : Irresistible (Music Video)
One Direction : Irresistible (Lyrics and Pictures)
What Makes You Beautiful (Official Video)
More Than This – One Direction (with lyrics)
One Direction
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
วันไดเรกชัน (อังกฤษ: One Direction) เป็นวงบอยแบนด์จากอังกฤษ–ไอร์แลนด์ ก่อตั้ง ณ ลอนดอน ในปี ค.ศ. 2010 ประกอบไปด้วยสมาชิกจำนวน 4 คนคือ ไนออล ฮอแรน, เลียม เพย์น, แฮร์รี สไตลส์ และลูอี ทอมลินสัน (ในอดีตมีสมาชิก 5 คน อีกหนึ่งคนคือ เซย์น แมลิก วันไดเรกชันเซ็นสัญญาให้กับค่ายเพลงของไซมอน โคเวลล์ที่ชื่อ ไซโคเรเคิดส์ (Syco Records) หลังจากเป็นผู้ชนะเลิศลำดับที่สามจากการประกวดแสดงความสามารถ เวทีรายการ ดิ เอกซ์ แฟกเตอร์ ซึ่งควบคุมการผลิตโดยไซมอน โคเวลล์อีกเช่นกัน ต่อมาพวกเขาได้เซ็นสัญญาให้กับค่ายในฝั่งอเมริกาเหนือที่ชื่อโคลัมเบียเรเคิดส์ (Columbia Records)
วันไดเรกชันเริ่มมีชื่อเสียงจากการปล่อยอัลบัมเปิดตัวที่ชื่อ Up All Night เมื่อต้นปี ค.ศ. 2012 ด้วยซิงเกิลยอดนิยม “What Makes You Beautiful” ทำให้อัลบัมติดชาร์ตอันดับสูงสุดทั่วโลกและทำให้พวกเขาถูกบันทึกในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ ที่สามารถเปิดตัวที่อันดับ 1 บนชาร์ต US บิลบอร์ด 200 ได้ ส่งผลให้วันไดเรกชันเป็นศิลปินกลุ่มสัญชาติอังกฤษกลุ่มแรกในประวัติศาสตร์ชาร์ตของสหรัฐที่อัลบัมแรกของเขาเปิดตัวที่อันดับ 1 ตามมาด้วยซิงเกิลเปิดตัวลำดับต่อมา “Live While We’re Young” สตูดิโออัลบัมลำดับที่สองที่ชื่อ Take Me Home มีแผนจะวางจำหน่ายในวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ. 2012 และในปี ค.ศ. จะมีทัวร์คอนเสิร์ตของพวกเขาตามมา ด้วยค่าตั๋วราคากว่า 15.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ อัลบัมลำดับที่สามชื่อ “Midnight Memories” ปล่อยออกมาในวันที่ 25 พฤศจิกายน ค.ศ.2013 และตามมาด้วยทัวร์ Where We Are หากไม่นับการทำงานเพลงของพวกเขา วันไดเรกชันยังสนับสนุนงานกุศลและมูลนิธิต่างๆ มากมาย และยังสนับสนุนการโฆษณาให้กับการ์ตูนโปเกมอน โทรศัพท์มือถือโนเกีย บริษัทฮาร์เปอร์คอลลินส์ (HarperCollins) และบริษัทฮัสโบร (Hasbro) อีกด้วย
มีการบรรยายถึงวันไดเรกชันว่าเป็นการจุดประกายการกลับมาของแนวคิดศิลปินกลุ่มบอยแบนด์ และการสร้างปรากฏการณ์ British Invasion ในสหรัฐอเมริกา ตามที่ Nick Gatfield ประธานและผู้บริหารบริษัทโซนี่ มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนท์ กล่าวไว้ว่า จนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012 เนื่องจากทำรายได้ได้ถึงหลักล้านในด้านงานเพลง การขายสินค้า และทัวร์ วันไดเรกชันได้ทำเงินให้กับเครือบริษัทธุรกิจยักษ์ใหญ่ถึง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2012 วันไดเรกชันได้ขายผลงานของตนเองถึง 12 ล้านเรคอร์ด นอกจากนี้วันไดเรกชันยังได้รางวัลมากมาย ได้แก่ รางวัลจากบริตอวอดส์ 1 รางวัล และรางวัลจาก เอ็มทีวีวิดีโอมิวสิกอะวอดส์ อีก 3 รางวัล เว็บไซต์ เดอะฮัฟฟิงตันโพสต์ (The Huffington Post) ของอเมริกาประกาศว่าปี 2012 เป็น “ปีของวันไดเรกชัน” (The Year of One Direction)
ในวันที่ 25 เดือนมีนาคม ค.ศ. 2015 เซย์น แมลิก ประกาศแยกตัวออกจากวง[2] โดยระบุข้อความผ่านหน้าเฟสบุ๊คของวงว่า… “ชีวิตของผมกับการเป็นส่วนหนึ่งในวันไดเรกชันเป็นอะไรที่เกินกว่าผมจะจินตนาการได้ แต่หลังจากห้าปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกว่าถึงเวลาที่ผมต้องไปเสียที ผมอยากจะขอโทษแฟน ๆ ที่ผมทำให้พวกคุณเสียใจ แต่ผมจำเป็นต้องทำในสิ่งที่ใจรู้สึก เพราะผมอยากเป็นเพียงผู้ชายอายุ 22 ธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่สามารถผ่อนคลายใช้ชีวิตส่วนตัวโดยไม่มีไฟสปอตตามส่อง ผมรู้ว่าผมมีเพื่อนอีก 4 คนในชีวิตนี้ ทั้งลูอี เลียม แฮร์รี ไนออล และผมรู้ว่าพวกเขาจะก้าวไปต่อเพื่อเป็นวงที่ดีที่สุดวงหนึ่งของโลกได้”
สมาชิก
สมาชิกปัจจุบัน
- ไนออล ฮอแรน (Niall Horan) (2010-2016)
- เลียม เพย์น (Liam Payne) (2010-2016)
- แฮร์รี สไตลส์ (Harry Styles) (2010-2016)
- ลูอี ทอมลินสัน (Louis Tomlinson) (2010-2016)
อดีตสมาชิก
- เซย์น แมลิก (Zayn Malik) (2010-2015)
ผลงาน
สตูดิโออัลบัม
- 2011 – Up All Night
- 2012 – Take Me Home
- 2013 – Midnight Memories
- 2014 – Four
- 2015 – Made in the A.M.